ฟิลเตอร์ไส้กรองไปป์ มีกี่แบบ จำเป็นมั้ย และแตกต่างกันอย่างไร?
“สูบไปป์มีไส้กรองรึเปล่า”
“ฟิลเตอร์ไปป์มีกี่แบบ”
“มีไปป์ แต่ไม่รู้จะใช้ฟิลเตอร์แบบไหน”
“ไปป์ที่มีฟิลเตอร์ กับ ไม่มีฟิลเตอร์มันแตกต่างกันอย่างไร”
คำถามทุกอย่างข้างต้น เป็นคำถามยอดนิยมที่ทางร้าน THE SESSION ได้ยินอยู่เสมอ วันนี้จึงอยากจะมาตอบคำถาม ไขข้อข้องใจ ให้นักสูบไปป์ได้ทราบกัน
ไปป์มีไส้กรองรึเปล่า?
คำตอบ: มีทั้ง 2 อย่าง ไปป์ที่ไม่มีฟิลเตอร์ไส้กรอง จะเรียกว่าเป็นแบบ Non Filter ส่วนใหญ่แล้วจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่ราวๆ 3 มิลลิเมตร อาจเล็กว่า หรือมากกว่านั้น อยู่ที่มาตรฐานของไปป์แต่ละแบรนด์ ถ้าต้องการใส่ไส้กรองเพิ่ม ขอแนะนำให้ไปลองที่ร้านขายไปป์ เพราะบางรุ่นอาจใช้ฟิลเตอร์ขนาด 3mm ใส่แทนได้ ส่วนไปป์รุ่นที่มีฟิลเตอร์ ก็มีให้เลือกทั้งแบบฟิลเตอร์ขนาด 3mm 6mm และ 9mm
ฟิลเตอร์ไปป์ มีทั้งหมดกี่แบบ มีไรบ้าง?
คำตอบ: ฟิลเตอร์ ไส้กรองไปป์ มีอยู่ด้วยกันหลักๆ 3 แบบด้วยกันแบ่งตามขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง คือ ขนาด 3mm ขนาด 6mm และ ขนาด 9mm โดยฟิลเตอร์ที่มีขายในร้าน THE SESSION คือ
- 3mm มีให้เลือกทั้งแบบฟิลเตอร์เหล็ก และแบบฟิลเตอร์กระดาษ
- 6mm มีให้เลือกแบบที่ใช้วัสดุไม้บาร์ซ่าร์ และฟิลเตอร์กระดาษ
- 9mm มีให้เลือกที่เป็นฟิลเตอร์ชาร์โคล คอตต้อน Meerschaum และ ไม้บาร์ซ่าร์
จะรู้ได้อย่างไร ว่าไปป์ที่เรามีเหมาะกับฟิลเตอร์แบบไหน?
คำตอบ: เราสามารถตรวจสอบขนาดของฟิลเตอร์ไปป์ได้ด้วยตัวเอง ด้วยการถอดด้ามไปป์ (ส่วนที่เป็นปากคาบ) ออก แล้วสังเกตดูที่ขนาดเดือยที่ยื่นออกมาตรงส่วนปากคาบ (Mouthpiece) ว่ามีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเท่าไหร่ ถ้าไม่มั่นใจ แนะนำให้ปรึกษากับพนักงานที่ร้านจำหน่ายไปป์โดยตรง
ไปป์ที่มีฟิลเตอร์ กับ ไม่มีฟิลเตอร์ มันแตกต่างกันอย่างไร?
คำตอบ: ถ้าพูดถึงลักษณะภายนอก ไปป์ที่มีฟิลเตอร์ส่วนใหญ่จะมีส่วน Shank (ส่วนไม้ที่ยื่นต่อออกมาจากเบ้าไปป์) ที่ค่อนข้างใหญ่ อย่างน้อยก็ต้องใหญ่เพียงพอที่จะเอาไว้ในฟิลเตอร์ขนาด 9mm หรือ 6mm ได้ ยกเว้นรุ่นที่ใส่ฟิลเตอร์แบบ 3mm ก็จะมี Shank เรียวเล็กได้เช่นกัน
ถ้าพูดถึงแง่ประสิทธิภาพการกรอง ไปป์ที่มีฟิลเตอร์จะกรองทาร์ นิโคติน และช่วยดูดซับความชื้นได้ดีกว่าแบบไม่มีฟิลเตอร์แน่นอน
ไปป์แบบไม่มีฟิลเตอร์ไส้กรอง
ข้อดี ของการใช้ไปป์แบบไม่มีฟิลเตอร์ หรือ ฟิลเตอร์เหล็ก
สาเหตุที่เราเอาไปป์รุ่นที่มีฟิลเตอร์เหล็กขนาด 3 mm มารวมกับไปป์แบบไม่มีฟิลเตอร์ เป็นเพราะนักสูบไปป์หลายคน มองว่าฟิลเตอร์ชนิดนี้ ไม่ได้ช่วยกรอง หรือดูดซับความชื้นได้มากเหมือนฟิลเตอร์ชนิดอื่น ถึงแม้จะถอดออกก็ไม่ส่งผลอะไรต่อการสูบมากนัก
- ประหยัด ไม่ต้องคอยซื้อไส้กรองเปลี่ยนบ่อยๆ
- สูบคล่อง เพราะลมสามารถผ่านเข้ามาได้โดยตรงไม่ได้ผ่านสิ่งกีดขวางใดๆ
- ได้รสชาติยาเส้นไปป์แบบเต็มๆ
ไปป์แบบฟิลเตอร์ไส้กรองเหล็ก 3mm
ข้อเสีย ของการใช้ไปป์แบบไม่มีฟิลเตอร์ หรือ ฟิลเตอร์เหล็ก
- ไม่มีตัวดูดซับความชื้น ดังนั้นระหว่างสูบไปป์ผู้สูบจะได้ยินเสียงน้ำที่ดังอยู่ในเบ้า ซึ่งเป็นน้ำที่มาจากตัวยาเส้น หรือบางครั้งอาจเป็นน้ำลายของเราเอง
- ไม่มีตัวช่วยกรองทาร์ นิโคติน จากยาเส้น
- ไปป์สกปรกง่าย และมีโอกาสอุดตัน ถ้าไม่หมั่นทำความสะอาด
ไปป์แบบฟิลเตอร์ไส้กรอง 6mm
ข้อดี ของการใช้ไปป์แบบมีฟิลเตอร์ แบบ 6mm และ 9mm
- ฟิลเตอร์ไส้กรองนี้ จะช่วยดูดซับความชื้น และกรองทาร์ รวมไปถึงนิโคติน จากยาเส้นไปป์
- ลดปัญหาเรื่องเสียงน้ำในเบ้าไปป์
- ลดความร้อนระหว่างการสูบ
- นักสูบไปป์บางคนเจอปัญหาน้ำในเบ้าไปป์ไหลย้อนกลับมาเข้าปาก ฟิลเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกรองนี้ จะป้องกันปัญหาดังกล่าวได้
ไปป์แบบฟิลเตอร์ไส้กรองเหล็ก 9mm
ข้อเสีย ของการใช้ไปป์แบบมีฟิลเตอร์ แบบ 6mm และ 9mm
- บางคนที่คุ้นเคยกับการสูบไปป์แบบไม่มีฟิลเตอร์ จะรู้สึกว่าถ้าใส่ฟิลเตอร์แล้วต้องใช้แรงดึงในการสูบมากกว่า
- เสียค่าใช้จ่ายสูงกว่า เพราะต้องซื้อไส้กรองเปลี่ยนเรื่อยๆ ฟิลเตอร์ไส้กรอง 1 ชิ้น สามารถใช้สูบได้ประมาณ 1-4 เบ้า
สรุปแล้วจำเป็นต้องใช้ฟิลเตอร์หรือไม่ แล้วแบบมีไส้กรองกับไม่มีไส้กรอง อันไหนดีกว่ากัน?
การจะสรุปว่าแบบไหนดีกว่ากันเป็นเรื่องยาก เพราะคนสูบไปป์แต่ละคนมีมาตรฐาน และความต้องการกันคนละแบบ ถ้าเป้าหมายคือการสูบไปป์โดยไม่ต้องวุ่นวายกับเรื่องจุกจิก เช่น เราสูบไปป์มากี่เบ้าแล้ว ต้องเปลี่ยนไส้กรองแล้วหรือยัง หรือต้องซื้อฟิลเตอร์กล่องใหม่เมื่อไหร่ อีกทั้งยังคำนึงถึงความประหยัดแล้วล่ะก็ คุณอาจจะเหมาะกับไปป์ที่ไม่มีฟิลเตอร์มากกว่า
ในทางกลับกัน ถ้าหากสิ่งที่คุณต้องการคือความสะอาด รู้สึกได้ถึงความแห้งระหว่างการสูบ และคำนึงถึงสุขภาพแล้วล่ะก็ สิ่งที่เหมาะที่สุดก็คือ ไปป์แบบมีฟิลเตอร์ เพราะถึงจะต้องซื้อฟิลเตอร์เปลี่ยนบ่อยๆ แต่ก็คุ้มค่า
ดังนั้นลองพิจารณาถึงข้อดี ข้อเสีย และถามตัวเองให้ดีก่อน ว่าไปป์แบบไหน คือสิ่งที่เรากำลังตามหา หรือถ้าจะให้ดี ก็ควรลองทั้งแบบที่มีฟิลเตอร์ และ ไม่มีฟิลเตอร์เพื่อเปรียบเทียบกัน ให้รู้ไปเลยว่าเราชอบแบบไหนมากกว่ากันแน่
